Tablet กับการพัฒนา Content
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาเนื้อหาเพื่อบรรจุใน Tablet เมื่อเร็วๆ นี้ ในรายการ “คุยนอกทำเนียบ” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
รมว.ศธ.กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ Tablet คือ เนื้อหา ซึ่งขณะนี้ได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ ๒๕๕๕ ภายใต้กรอบเวลา ๒ ปี ศธ.จะสามารถพัฒนา ๕ ศักยภาพของพื้นที่ ใน ๕ กลุ่มอาชีพใหม่ ให้สามารถแข่งขันได้ใน ๕ ภูมิภาคของโลก สำหรับหลักสูตรใหม่ของ ๕ กลุ่มอาชีพนั้นแบ่งตามทักษะ องค์ความรู้ และอัจฉริยภาพของเด็ก ได้แก่ ด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พณิชยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และด้านอำนวยการและอาชีพเฉพาะทาง ทั้งนี้ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ในระดับพื้นที่จัดทำแผนพัฒนาจังหวัดร่วมกับอาชีวศึกษา และมีส่วนกลางเป็นเครือข่าย โดยมหาวิทยาลัยทำแผนด้านวิชาการ อาชีวศึกษาทำแผนเรื่องหลักการปฏิบัติ เพื่อผลิตหลักสูตรให้มัธยมศึกษาและประถมศึกษา
ต่อไปหลักสูตรจะเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษา ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัย/คณะ/ภาควิชา จะแบ่งกันรับผิดชอบเนื้อหาในแต่ละวิชาและช่วงชั้น ที่จะสัมพันธ์กับทรัพยากรของจังหวัด เนื้อหาของหลักสูตรจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับศักยภาพของพื้นที่ ศธ.มีองค์ความรู้ขนาดใหญ่ เมื่อแบ่งงานกันทำ ก็สามารถผลิตเนื้อหาได้ และจะเริ่มต้นในระดับประถมศึกษา คือชั้น ป.๑ ก่อน เพราะเป็นเรื่องการฝึกทักษะและการเริ่มต้นการเรียนรู้ หลังจากนั้นก็จะพิจารณาตำราที่มีอยู่ในปัจจุบันว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสม ก็สามารถเปลี่ยนตำราเป็น Tablet โดยจะเริ่มทำเนื้อหาให้เสร็จ และใช้เงินเรียนฟรี ๑๕ ปีในส่วนที่ต้องซื้อตำราแจก ไปซื้อ Tablet แทน ซึ่งจะมีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าตำรา
รมว.ศธ.กล่าวถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย รวมทั้งมหาวิทยาลัยของไทย เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยท้องถิ่น ที่จะเป็นผู้จัดทำเนื้อหาขึ้นมา หากจำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ระดับสูงขึ้น ก็ให้ประสานกับมหาวิทยาลัยหลักในส่วนกลาง สภาวิจัยแห่งชาติ สวทช. เป็นต้น เพื่อนำผลงานวิจัยมาแปลงสู่ภาคปฏิบัติ เมื่อมหาวิทยาลัยทำเนื้อหาของตนเอง ก็สามารถพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ได้ โดยมีอาชีวศึกษาเป็นเครือข่าย เป็นการสร้างพลังที่สามารถนำมาใช้ได้ สถาบันการศึกษาจะมีการทำบริษัทจำลองขึ้นมา มีการซื้อขาย ส่งสินค้า มีการเรียนรู้ พัฒนาการ เมื่อจบการศึกษาก็สามารถเป็นผู้ประกอบการได้ รัฐบาลจะจัดสรรกองทุนตั้งตัวได้ไปให้มหาวิทยาลัย เมื่อนักศึกษามีรายได้ ก็จะนำไปสู่การมีค่าเล่าเรียน มีค่าใช้จ่าย ครูก็จะมีส่วนในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินครู นับเป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจเพื่อมาพัฒนาการศึกษา และสร้างความเข้มแข็งให้การศึกษาทั้งระบบ ถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปการศึกษา จัดระบบการศึกษาให้เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศ
สำหรับการผลิต Tablet นั้น ได้ขอให้มหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษาไปหารือกันในรายละเอียด เนื่องจากมีหลายมหาวิทยาลัยเสนอตัวเป็นผู้ผลิต และอาชีวศึกษาก็เสนอให้วิทยาลัยเทคนิคเป็นผู้ประกอบ ดังนั้น หากให้โอกาสในการพัฒนาและลงมือปฏิบัติก็จะนำไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น นับเป็นความร่วมมือของวงการศึกษาอย่างแท้จริง
ขอขอบคุณ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ